tag:blogger.com,1999:blog-60709173236243919922024-03-13T21:46:12.837-07:00นกประหลอดAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/03494981280531297740noreply@blogger.comBlogger5125tag:blogger.com,1999:blog-6070917323624391992.post-72594612185823193382012-06-21T23:40:00.000-07:002012-06-21T23:40:03.457-07:00ทดสอบแยกไพล์วีดีโอ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen='allowfullscreen' webkitallowfullscreen='webkitallowfullscreen' mozallowfullscreen='mozallowfullscreen' width='320' height='266' src='https://www.youtube.com/embed/v16BnL2aum4?feature=player_embedded' frameborder='0'></iframe></div>
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03494981280531297740noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6070917323624391992.post-15229328008054093262012-06-21T23:34:00.000-07:002012-06-21T23:34:33.741-07:00ทดสอบสร้างลิ้งก์<a href="http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=channoi&month=27-09-2006&group=4&gblog=50" target="_blank">นกประหลอดดำ</a><br />
<a href="http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=237400.0" target="_blank">นกประหลอด</a><br />
<br />Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03494981280531297740noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6070917323624391992.post-54359388520094029952012-06-21T23:26:00.002-07:002012-06-21T23:26:50.661-07:00<span style="color: #674ea7; font-size: x-large;"> ชื่อ</span><br />
<span style="color: #674ea7; font-size: x-large;"> ชื่อเล่น</span><br />
<span style="color: #674ea7; font-size: x-large;"> ที่อยู่</span><br />
<span style="color: #674ea7; font-size: x-large;"> เบอร์โทร</span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03494981280531297740noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6070917323624391992.post-8208368167736558472012-06-21T23:17:00.004-07:002012-06-21T23:19:02.440-07:00<br />
<table border="0" cellspacing="0" style="background-color: transparent; border-style: none; font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><tbody>
<tr><td style="background-image: none; border: none;"><span style="color: red; font-size: x-large;">นกอีแจว</span><br />
<div style="font-size: 14px;">
<span style="font-size: large;">นกอีแจว <i>Hydrophasianus chirurgus </i>(Pheasant-tailed Jacana) ได้ชื่อว่าเป็นราชินีนกน้ำเพราะรูปร่างหน้าตาที่สวยงามโดยเฉพาะในชุดขนฤดูผสมพันธุ์<br /><br />นกชนิดนี้ได้ชื่อไทยว่าอีแจวเพราะเมื่อนกตัวเมียวางไข่แล้วก็จะแจวจากไปหาคู่ใหม่ และปล่อยให้นกตัวผู้กกไข่และเลี้ยงลูกไปตามลำพัง หรือจะได้ชื่อนี้มาจากเสียงร้องแจ๊วๆ แจวๆก็ไม่แน่ใจ เพราะฟังแล้วน่าเชื่อถือทั้งคู่ (แม้ว่าฝรั่งจะได้ยินนกชนิดนี้ร้องเหมือนแมวร้องแบบโกรธๆก็ตาม)<br /><br /><br />ความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ31เซ็นติเมตร นกตัวเมียตัวโตกว่านกตัวผู้เล็กน้อย แต่ไม่มีความแตกต่างในชุดขนทำให้จำแนกได้ยากเมื่อเห็นทีละตัวในธรรมชาติ<br /><br /><br />ในชุดขนนอกฤดูผสมพันธุ์นกจะมีลักษณะคล้ายนกพริกตัวไม่เต็มวัยเพราะจะมีลำตัวด้านบนสีน้ำตาล ลำตัวด้านล่างสีขาว เมื่อรวมกับรูปทรงที่คล้ายคลึงกันอาจทำให้จำแนกผิดได้ ดังนั้นจึงต้องสังเกตที่แถบตาสีดำที่ลากผ่านคอด้านข้างต่อเนื่องลงมาถึงแถบอก และแถบข้างคอจนถึงท้ายทอยสีเหลืองของนกอีแจวไว้ให้ดี</span><span style="background-color: transparent; font-size: large;"><br /></span></div>
<div style="font-size: 14px;">
<span style="background-color: transparent; font-size: large;">ดูนกในชุดขนนอกฤดูผสมพันธุ์</span><span style="background-color: transparent; font-size: large;"> </span><a href="http://orientalbirdimages.org/search.php?action=searchresult&Bird_ID=1199&Bird_Image_ID=10348&Bird_Family_ID=&p=26" style="background-color: transparent; color: #005ca2; font-size: x-large; text-decoration: none;" target="_blank">คลิกที่นี่</a></div>
<span style="font-size: large;"><br /><br />ในชุดขนฤดูผสมพันธุ์ นกชนิดนี้จะมีขนคลุมร่างกายส่วนใหญ่เป็นสีน้ำตาล ดำ ทำให้หน้า หน้าผาก คอและแถบปีกสีขาวดูโดดเด่นออกมา แต่เวลาก้มหัวก็จะเห็นแต้มสีน้ำตาลเข้มที่กระหม่อม มีเส้นสีดำหรือน้ำตาลเข้มพาดผ่านแต้มที่กระหม่อมนี้ลากยาวผ่านข้างคอทั้งสองข้างลงไปยังหน้าอกด้านข้างเหมือนเป็นเส้นขอบให้แถบขนสีเหลืองทองสดใสซึ่งกินบริเวณยาวลงไปถึงท้ายทอย หางสีดำที่ยื่นยาวออกมามากจากหางปรกติยาวได้ตั้งแต่ 8-27 เซ็นติเมตร ทำให้นกชนิดนี้แตกต่างจากนกน้ำอื่นอย่างเห็นได้ชัด<br /></span><br />
<br />
<center style="font-size: 14px;"><span style="font-size: large;"><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/pheasanttailedjacana13-550.jpg" /></span></center><span style="font-size: large;"><br /><br /><br /><br />ในแต่ละปีนกจะมีช่วงผลัดขนหนึ่งครั้ง และในช่วงนี้นกอีแจวจะไม่สามารถบินได้ การหลบหนีศัตรูต้องใช้การว่ายน้ำ ดำน้ำและหลบซ่อนตัวเท่านั้น<br /><br />นกอีแจวทำรังวางไข่บนพืชลอยน้ำในบึงซึ่งเป็นแหล่งอาศัยในช่วงฤดูฝน การแสดงบทบาทในเรื่องนี้ของนกในวงศ์นกพริก(Jacanidae)ถือว่ากลับกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ กล่าวคือนกตัวผู้ทำรัง ดูแลรัง กกไข่และเลี้ยงลูก ขณะที่นกตัวเมียซึ่งตัวโตกว่า ก้าวร้าวกว่าเป็นผู้ปกป้องรัง ปกป้องคู่หรือปกป้องอาณาเขต<br /><br />นกตัวเมียจับคู่กับตัวผู้หลายตัวในหนึ่งฤดูกาล ซึ่งหมายความว่าจะต้องดูแลอาณาเขตมากกว่าหนึ่งอาณาเขตด้วย<br /></span><center style="font-size: 14px;"><span style="font-size: large;"><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/pheasanttailedjacana19-550.jpg" /></span></center><span style="font-size: large;"><br /><br /><br /><br />เมื่อนกอีแจวตัวเมียวางไข่ซึ่งมีประมาณครอกละ4ฟองแล้วก็จะไปจับคู่กับนกตัวผู้ตัวใหม่เพื่อวางไข่ครอกต่อไป ขณะที่นกตัวผู้เจ้าของผลงานก้มหน้าก้มตากกไข่เป็นเวลายี่สิบสองถึงยี่สิบแปดวันโดยนกตัวเมียจะคอยช่วยปกป้องดูแล เมื่อลูกนกฟักเป็นตัวแล้วก็จะเลี้ยงลูกเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว อย่างไรก็ตาม การที่นกตัวเมียจับคู่กับนกตัวผู้ทีละหลายตัวก็ทำให้นกตัวผู้ที่ฟักไข่และดูแลลูกอาจจะกำลังดูแลลูกที่ไม่ใช่ผลผลิตของตัวเองก็เป็นได้<br /></span><center style="font-size: 14px;"><span style="font-size: large;"><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/pheasanttailedjacana20-550.jpg" /></span></center><span style="font-size: large;"><br /><br /><br /><br />เข้าใจว่าการที่นกต้องมีพฤติกรรมเช่นนี้เพราะว่าไข่ที่ถูกวางไปแต่ละรุ่นนั้นมีอัตราการรอดชีวิตจนโตเพียงไม่ถึงครึ่งเนื่องจากสภาพแวดล้อมเช่นภาวะน้ำท่วมและสัตว์ศัตรูเช่นงูน้ำ นกใหญ่ ที่จะมาทำลายไข่ ทำให้แม่นกต้องลดเวลาที่ต้องใช้ในการกกไข่ลงไปเพื่อผลิตไข่เพิ่มเติมแทน<br /></span><center style="font-size: 14px;"><span style="font-size: large;"><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/pheasanttailedjacana21-550.jpg" /></span></center><span style="font-size: large;"><br /><br /><br /><br />ลูกนกอีแจวแรกเกิดมีขนอ่อนนุ่มแบบลูกเจี๊ยบ มีสีสันที่เหมาะกับการพรางตัว มีเท้าใหญ่โตเหมือนพ่อแม่ เกิดมาก็เดินและว่ายน้ำดำน้ำได้เลย พ่อนกจะสอนให้ลูกเดินหาอาหารและหลบศัตรู มีผู้พบว่าลูกนกอีแจวสามารถดำน้ำหลบศัตรูได้โดยโผล่มาแต่ปลายปากนิดๆที่มีรูสำหรับหายใจ<br /></span><center style="font-size: 14px;"><span style="font-size: large;"><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/pheasanttailedjacana22-550.jpg" /></span></center><span style="font-size: large;"><br /><br /><br /><br />พ่อนกอีแจวเป็นพ่อที่ทุ่มเทให้กับการเลี้ยงลูกมาก บางครั้งก็แกล้งทำปีกหักหรือแกล้งกกไข่ในที่ที่ไม่มีไข่เพื่อให้ศัตรูมาสนใจตัวเองแทนลูกๆ นอกจากนี้ยังมีเสียงร้องระวังภัยสำหรับเรียกลูกๆกลับมาซุกใต้ปีกหรือให้ไปหลบตามกอพืชน้ำ หรือดำน้ำหลบ และเมื่อปลอดภัยก็ส่งเสียงบอกลูกๆให้โผล่ขึ้นมาได้ด้วย<br /></span><center style="font-size: 14px;"><span style="font-size: large;"><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/pheasanttailedjacana23-550.jpg" /></span></center><span style="font-size: large;"><br /><br /><br /><br />อาหารของนกชนิดนี้คือแมลงเล็กๆหรือเมล็ดพืชที่จับและจิกกินได้ตามผิวน้ำและตามกอพืชน้ำในบึง ด้วยนิ้วเท้ายาวเก้งก้างตามแบบฉบับของนกน้ำทำให้นกอีแจวเดินบนพืชลอยน้ำได้อย่างสบาย หากจะหล่นก็กระพือปีกช่วยได้ นอกจากนี้นกอีแจวว่ายน้ำได้คล่อง และบินได้ดีพอสมควร<br /></span><center style="font-size: 14px;"><span style="font-size: large;"><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/pheasanttailedjacana24-550.jpg" /></span></center><span style="font-size: large;"><br /><br /><br /><br />นกชนิดนี้มีการกระจายถิ่นในปากีสถาน เนปาล อินเดีย ศรีลังกา จนถึงพม่า ตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ไต้หวัน ลงใต้ไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คามสมุทรมลายู บอร์เนียวใต้และฟิลิปปินส์ จำนวนเล็กน้อยเดินทางลงใต้ไปยังเกาะสุมาตราและชวาหรือไปทางตะวันตกสู่โอมานและเยเมนในช่วงฤดูหนาว สำหรับที่ไต้หวันนกชนิดนี้กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์<br /><br />นกอีแจวส่วนใหญ่เป็นนกที่อยู่ประจำถิ่นแต่ก็มีบางส่วนจากจีนตอนใต้และเทือกเขาหิมาลัยอพยพลงมายังคาบสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย<br /><br />สำหรับประเทศไทยนกอีแจวมีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ โดยสามารถพบได้บ่อยในบางพื้นที่เช่นบึงบอระเพ็ดจังหวัดนครสวรรค์ หรือตามบึงบัว บ่อปลาสลิด ทุ่งนาที่มีน้ำท่วม เป็นต้น</span></td></tr>
</tbody></table>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03494981280531297740noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6070917323624391992.post-81873909521586994732012-06-21T23:13:00.001-07:002012-06-21T23:13:19.535-07:00<br />
<table border="0" cellspacing="0" style="background-color: transparent; border-style: none; font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif;"><tbody>
<tr><td style="background-image: none; border: none; font-size: 14px;" valign="top"><b>นกปรอดดำ </b><br /><br /><span style="color: #666666;">นกปรอดดำ <i>Hypsipetes leucocephalus </i>(Black Bulbul) เป็นนกปรอดที่จำแนกได้ง่ายที่สุดในจำนวนนกปรอดทั้งหมดก็ว่าได้ เพราะมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือมีขนคลุมลำตัวทั้งหมดสีดำ โดยขนคลุมลำตัวด้านล่างจะสีจางกว่าด้านบนเล็กน้อย ปาก ขา และเท้าสีแดง นกตัวเมียสีจางกว่านกตัวผู้ นกตัวไม่เต็มวัยมีสีน้ำตาลทั้งตัวโดยปีกและหางจะมีสีเข้มกว่าส่วนอื่นๆ<br />นกปรอดดำมีความยาวจากปลายปากจรดปลายหาง 23.5-26.5 เซนติเมตร ใหญ่กว่านกปรอดสวนที่เห็นได้ทั่วไปซึ่งมีขนาด17.5-19.5เซ็นติเมตรอยู่มากพอสมควรทีเดียว<br /><br /><br /><br /><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/blackbulbul2.jpg" /><br /><br /><br /><br />อาหารของนกปรอดดำก็เหมือนนกปรอดอื่นๆคือกินลูกไม้สุก ดอกไม้ป่า หนอน แมลงขนาดเล็ก เราจะพบนกชนิดนี้เป็นคู่หรือฝูงเล็กๆ หรือเป็นฝูงใหญ่มากนอกช่วงฤดูผสมพันธุ์ หากินตามยอดไม้สูง ขยันหากิน ไม่ค่อยหยุดนิ่ง ตามป่าดงดิบแล้ง ป่าดงดิบเขา และป่าชั้นรองในระดับความสูง500-2565เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ในฤดูหนาวอาจลงมาหากินที่ระดับ120เมตรจากระดับน้ำทะเลได้<br /><br />นกชนิดนี้ทำรังในช่วงฤดูร้อนต่อฤดูฝน ทำรังเป็นรูปถ้วยก้นตื้นตามกิ่งหรือง่ามไม้สูงจากพื้นดินราว2-6เมตร วางไข่ราว2-4ฟอง ขนาด 21.7x19.9มม. ทั้งพ่อและแม่นกช่วยกันทำรังฟักไข่เลี้ยงลูกอ่อนโดยเริ่มฟักตั้งแต่วางไข่ฟองแรกใช้เวลาฟักราว15วันและอยู่ในรังต่อราว14-15วัน<br /><br /><br /><br /><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/blackbulbul1.jpg" /><br /><br /><br /><br />สำหรับประเทศไทย เราสามารถพบนกปรอดดำได้ 4 ชนิดย่อย ชนิดย่อยหลัก concolorซึ่งมีความหมายว่ามีสีเดียวเป็นชนิดที่เป็นนกประจำถิ่น อีก 3 ชนิดย่อยเป็นนกอพยพนอกฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งหาพบได้ยาก หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับชื่อชนิดย่อยและลักษณะ <a href="http://www.zyworld.com/NAKARIN/HTMLblackbulbul.htm" style="color: #005ca2; text-decoration: none;" target="_blank">คลิกที่นี่</a><br /><br />นกปรอดดำที่เป็นนกประจำถิ่นเป็นนกประจำถิ่นทางภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตก สถานที่ที่จะพบนกชนิดนี้ได้ง่ายๆได้แก่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หน่วยช่องเย็นของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ดอยอินทนนท์ เป็นต้น<br /><br /><br /><br /><img src="http://i91.photobucket.com/albums/k316/channoi/blackbulbul3.jpg" /><br /><br /><br /><br />ภาพนกปรอดดำนี้ถ่ายมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว นกลงมากินน้ำที่บ่อน้ำเทียมที่เจ้าหน้าที่ของทางเขตฯทำเอาไว้<br /></span></td></tr>
</tbody></table>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/03494981280531297740noreply@blogger.com0